Privacy Notice
บริษัทไซแมท เลเบล จำกัด มี (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท”) มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 123 ซอยฉลองกรุง 31 นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
ให้ความสําคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และผู้ปฏิบัติงานในบริษัท (ซึ่งรวมเรียกว่า“ท่าน”) และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าบริษัทจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้กําหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านทราบรายละเอียดการดําเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการ
เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิใน
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อบริษัท
1. ประเภทบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังต่อไปนี้
1.1 “ลูกค้า” หมายถึง บุคคลที่จะซื้อหรือซื้อสินค้า และ/หรือรับบริการจากบริษัท หรือบุคคลอื่นที่ติดต่อ
สอบถามข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการของบริษัท บุคคลที่รับทราบข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการผ่านสื่อต่าง ๆ และบุคคลที่ได้รับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้า และ/หรือบริการของบริษัท และให้หมายความรวมถึง
บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลที่เป็นลูกค้า เช่น กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน
ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้องในการทําธุรกรรมระหว่างบริษัทกับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่บริษัท ด้วย
1.2 “คู่ค้า” หมายถึง บุคคลที่จะขายหรือขายสินค้า และ/หรือบริการให้แก่บริษัท ไม่ว่าจะได้ขึ้นทะเบียนเป็น
คู่ค้ากับ บริษัทหรือไม่ เช่น คู่สัญญา ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา เป็นต้น และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่
เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้า เช่น กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือ
บุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทําธุรกรรมระหว่าง
บริษัท กับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้ส่งสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้
ข้อมูลไว้แก่บริษัทด้วย
1.3 “ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ” หมายถึง บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ลูกค้า คู่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงานในบริษัท ที่มี
ความสัมพันธ์ในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ เช่น ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยราชการซึ่งกํากับการประกอบ
ธุรกิจหรือกํากับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการธุรกิจหรือผู้เข้าร่วมโครงการธุรกิจ ผู้สนใจเข้า
ร่วมลงทุนหรือผู้ร่วมลงทุน ตัวแทนหรือนายหน้าในการจัดหาสินค้าหรือบริการให้แก่บริษัท และให้หมายความ
รวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลนั้น เช่น กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง
ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการ
ทําธุรกรรมระหว่างบริษัทกับนิติบุคคลนั้น
1.4 “ผู้ปฏิบัติงานในบริษัท” หมายถึง กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคลากรอื่นของบริษัท
ที่บริษัทถือหุ้น หรือ ที่บริษัทได้มีสัญญาจ้างบริการ และให้หมายความรวมถึงพนักงานของบริษัท ที่บริษัทถือหุ้นซึ่งมา
ปฏิบัติงานที่บริษัทตามนโยบายหรือข้อกําหนดของบริษัท
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
2.1 โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าท่านจะเป็นลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หรือผู้ปฏิบัติงานในบริษัท
บริษัทอาจดําเนินการประมวลผลข้อมูลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
นอกจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น บริษัท อาจทําการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม
ในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
2.2 ในกรณีที่ท่านเป็นลูกค้า บริษัทอาจดําเนินการประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆเพิ่มเติมดังนี้
2.3 ในกรณีที่ท่านเป็นคู่ค้า บริษัทอาจดําเนินการประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
2.4 ในกรณีที่ท่านเป็นผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ บริษัทอาจดําเนินการประมวลผลข้อมูลของท่าน
เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพิ่มเติมดังต่อไปนี้
2.5 ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติงานในบริษัท บริษัทอาจดําเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของ
ท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพิ่มเติมดังต่อไปนี้
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จําเป็นในการปฏิบัติตาม
สัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากท่ านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จําเป็นดังกล่าว บริษัทอาจ
ไม่สามารถพิจารณาเข้าทําธุรกรรม หรือบริหารจัดการตามสัญญากับท่านได้ (ตามแต่กรณี)
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม
โดยทั่วไปแล้ว ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยการ
ขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่านเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี บริษัทอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูล
ของท่านจากแหล่งอื่น เช่น บริษัทต้นสังกัดของท่าน พนักงาน เลขานุการหรือผู้ประสานงานแทนของท่าน
หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งเปิดเผยสาธารณะ เช่น เว็บไซต์ ข้อมูลที่ค้นหาได้
ทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจําตัวบัตรประชาชน เลขหนังสือ
เดินทาง วันเดือนปี เกิด เพศ อายุ สัญชาติ ลายมือชื่อ ภาพถ่าย เลขประจําตัวใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ รหัส
พนักงาน (เฉพาะกรณี พนักงานบริษัทในบริษัท) ข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์ ข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์ของ
บริษัท เป็นต้น
(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ สําเนาทะเบียนบ้าน เบอร์โทรศัพท์ เบอร์โทรสาร อีเมล ตําแหน่ง
ที่อยู่ (Geolocation) ผู้ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บัญชีการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ LINE ID ข้อมูลเลขานุการเป็นต้น
(3) ข้อมูลทางการเงิน (Financial Data) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น
(4) ข้อมูลการติดต่อกับ บริษัท (Communication Data) เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับวัน เวลา สถานที่ที่ติดต่อกับ
บริษัท ข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียงเมื่อมีการติดต่อกับบริษัท เป็นต้น
(5) ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือหน่วยงานที่ทํางาน เช่น บริษัทที่ทํางานหรือหน่วยงานต้นสังกัด สถานที่ทํางาน
ตําแหน่งงาน เป็นต้น
(6) ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการศึกษา ประวัติการทํางาน การฝึกอบรม ความเชี่ยวชาญ และผลงานต่าง ๆเป็นต้น
(7) ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะความชอบ ความสนใจส่วนบุคคล
(8) การบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิด CCTV
(9) ข้อมูลการเข้าร่วมประชุมระหว่างบริษัท บริษัทที่บริษัทถือหุ้น และบริษัทในกลุ่มของผู้ถือหุ้นรวมถึง
ข้อมูลการเข้าร่วมการอบรม สัมมนา กิจกรรม หรือโครงการอื่น ๆ ที่บริษัทจัดขึ้น โดยอาจมีการบันทึกภาพนิ่ง
ภาพเคลื่อนไหว และหรือเสียงระหว่างการประชุม อบรม สัมมนา หรือกิจกรรมดังกล่าว
(10) ข้อมูลที่จําเป็นอื่น ๆ เพื่อการดําเนินคดีหรือการบังคับคดี เช่น สถานภาพการสมรส ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน เป็นต้น
(11) ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน
(12) ประวัติการร่วมกิจกรรม หรือโครงการต่าง ๆ กับบริษัท
(13) ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด
(14) ข้อมูลพฤติกรรมการขับรถยนต์ของบริษัท
3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน
โดยทั่วไปแล้ว บริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสําเนาบัตรประจําตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสําเนาบัตรประจําตัว
ประชาชนให้แก่บริษัท ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้
บริษัท ดําเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับ
ใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หากบริษัทไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจํากัดทางเทคนิคบาง
ประการ บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
ในกรณีที่บริษัทจําเป็นจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดของท่าน บริษัทจะขอความ
ยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเป็นกรณีไป ทั้งนี้ บริษัทอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน
ดังนี้
(1) ข้อมูลเชื้อชาติ
(2) ข้อมูลศาสนา
(3) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ และหรือความพิการ
(4) ข้อมูลผลการตรวจสารเสพติดในร่างกาย
(5) ข้อมูลชีวภาพ เช่น ระบบการจดจําใบหน้า ระบบการจดจําเสียง และลายนิ้วมือ
4. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จําเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กําหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่
ระยะเวลาที่บริษัทยังคงจําเป็นต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ และอาจเก็บต่อไป
ตามระยะเวลาที่จําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง
ตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตาม
กฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกําหนดภายในองค์กรของบริษัท
5. การเปิดเผยข้อมูล
ในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่
บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้
5.1 บริษัทที่บริษัทถือหุ้น และ/หรือบริษัทในกลุ่มของผู้ถือหุ้น
5.2 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกํากับดูแล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ องค์การมหาชน องค์กรอิสระที่
จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกําหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อํานาจหรือปฏิบัติหน้าที่
ตามกฎหมาย เช่น ศาล ตํารวจ กรมสรรพากร สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรม
ธุรกิจพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สํานักงาน
ผู้ตรวจการแผ่นดิน สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการวุฒิสภา
กรมบังคับคดี สํานักงานอัยการสูงสุด สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นต้น
5.3 หน่วยงาน องค์กร หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเรียกร้อง การดําเนินคดี การโต้แย้งข้อร้องเรียน
หรือข้อกล่าวหา การต่อสู้คดี ของ บริษัท เช่น คู่ความในคดี พยาน เป็นต้น
5.4 ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสําหรับการดําเนินงานใด ๆ ให้แก่บริษัท เช่น
ที่ปรึกษาทางวิชาชีพ ผู้ให้บริการขนส่ง บริษัทรับจ้างทํากิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างจัดหาที่พักและการ
เดินทาง บริษัทรับดําเนินการจัดกิจกรรม งานอบรม หรืองานสัมมนา ผู้รับจ้างจัดกิจกรรม ผู้รับจ้างผลิตสื่อ ผู้รับจ้าง
ประชาสัมพันธ์ ผู้รับประกันภัย ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย เป็นต้น
5.5 ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญากรณีมีการดําเนิน
โครงการหรือทําธุรกิจร่วมกัน)
5.6 สถาบันให้การรับรองมาตรฐานระบบการจัดการ
5.7 ผู้เข้าร่วมอบรม
5.8 ผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ และตัวแทนของบุคคลดังกล่าว
5.9 ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน
5.10 ผู้รับโอนสิทธิหน้าที่และประโยชน์ใด ๆ จากบริษัท รวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้รับโอนดังกล่าวให้
ดําเนินการแทน เช่น กรณีปรับโครงสร้าง การควบรวมกิจการ การแยก หรือ การโอนกิจการ เป็นต้น
5.11 บุคคลภายนอกอื่น ๆ เช่น การเปิดเผยข้อมูลในระบบHRM Online การประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก
ต่าง ๆ ผ่านช่องทาง Social Media ของบริษัท หรือการประชาสัมพันธ์ภาพกิจกรรม หรือข่าวสารการทํากิจกรรม
หรือโครงการของบริษัทไปยังสื่อมวลชนและบุคคลภายนอก เป็นต้น
6. การส่งหรือเปิดเผยข้อมูลไปยังต่างประเทศ
ในบางกรณี บริษัทอาจมีความจําเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ซึ่งอาจมี
มาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแตกต่างไปจากประเทศไทย เนื่องจากบริษัท มีการประกอบธุรกิจหรือมี
การทําธุรกรรมต่าง ๆ กับบริษัทต่างประเทศ ดังนั้น บริษัทอาจจําเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ให้กับบริษัทเหล่านั้น รวมถึงหน่วยงานราชการ ที่ปรึกษาทางวิชาชีพ และบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องและจําเป็นต้อง
เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เพื่อประกอบการดําเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท รวมถึงอาจมีการเปิดเผยข้อมูล
ไปต่างประเทศเพื่อประกอบการดําเนินคดีหรืออนุญาโตตุลาการซึ่งอาจมีขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทอาจมีการ
เก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ของผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ และอาจมีการ
ประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสําเร็จรูปของผู้ให้บริการในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในการส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวไม่ว่ากรณีใด ๆ บริษัทจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กําหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่บริษัทกําหนดในข้อ 9. หรือ
ผ่านเว็บไซต์ของบริษัท โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ
บริษัท ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้
7.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
ในกรณีที่บริษัทขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจํากัดโดยกฎหมายหรือ
สัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสําเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัท
เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
7.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทได้ตามที่กฎหมายกําหนด
7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสําหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกําหนด
7.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกําหนด อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเก็บ
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น
บริษัทจะจัดให้มีการทําลายหรือทําให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกําหนด
7.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)
กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทมีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน
สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562 หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
8. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้
บริษัทอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็ นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไข
เปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น บริษัทจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของ บริษัท และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่าน
ทางอีเมล ทั้งนี้ หากจําเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านบริษัทจะดําเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย
9. วิธีการติดต่อ
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ
บริษัทได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
บริษัท ไซแมท เลเบล จำกัด
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 123 ซอยฉลองกรุง 31 นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520
เบอร์โทรศัพท์: 02-326-0571-4
เจ้าหน้าทีคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 20/2 (A5) หมู่ 4 ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
เบอร์โทรศัพท์: 02 759 4344 ต่อ 53
อีเมลล์ rujira@th.hinsitsu.com